บทนำ การขายของชิ้นแรก
"คิดจะขายของบนโลกออนไลน์ ต้องหัดคิดแบบออนไลน์"

เป้าหมายคุณมีไหม
"คิดจะทำอะไร มีเป้าหมายไว้ก่อน เหมือนมีแผนที่ที่จะไปให้ถูกทาง"
เป้าหมาย
ของการขายของออนไลน์ คือหาความต้องการของลูกค้าให้เจอแล้วตอบสนองความต้องการลูกค้าซะ

1.2 ขายอะไรดี!
การขายของออนไลน์ เท่าที่เจอมาไม่ค่อยมีคนสอนเรื่องการตลาดกันเลย สอนแต่การทำ SEO ให้ติด Index แน่นอน มันสำคัญมาก แต่การทำการตลาดก็ไม่ใช่เรื่องที่ไม่สำคัญกว่าเลย เคยไหมที่อยากขายของแต่ไม่รู้ว่าจะขายอะไร แน่นอน หลายๆคนเจอปัญหานี้ และเป็น คำถามสุดฮิตสำหรับคนที่อยากเริ่มทำการค้าขายบนโลกออนไลน์
"ขายอะไรดี! ขายอะไรดี! ขายอะไรดี! ขายอะไรดี! ขายอะไรดี! ขายอะไรดี!"

บทที่ 1.1 ค้าขายให้รวย
"ก่อนหัดสร้างธุรกิจ ต้องหัดวางแผนเรื่องเงินให้ชัดเจนก่อน"

บทที่ 1 ก้าวเข้ามาเป็นคนขายของข้างถนนออนไลน์
การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ทำให้อาชีพของคนหลายคนเปลี่ยนไป แม่ค้าพ่อค้าตามตลาดที่เคยมีคนเดินซื้อของมากมาย กำลังกลายเป็นตลาดล้าง บางแห่งถึงกับเจ๊งไปแล้ว สงสารแต่คนแก่จริงๆที่ขายของได้วันละไม่กี่บาท ตอนนี้แทบเรียกว่า ขาดทุนป่นปี้ จริงๆ แล้วผู้คนมันหายไปไหนกันนะ ถึงไม่เดินตลาดกันแล้ว?
อาชีพค้าขาย มันมีมานานมาก ตั้งแต่สมัยพ่อขุนรามแล้วม้าง การทำการค้าที่ดีที่สุดของผมคือ ขายได้ แล้วมันขายได้นี่ง่ายไหม ผมว่าโครงสร้างของการขายของมันคงยังอยู่ในแนวเดิมๆนะครับ ปัจจัยคงมีไม่กี่อย่าง
1. ของที่จะขาย
2. คนที่จะซื้อ
ถ้าเราปรับสองอย่างเข้ากันได้เมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราขายได้แน่นอน อย่างยายที่ขายของที่ตลาดสดทุกวัน ยายเอาผักที่เก็บได้ตามบ้านมาจัดให้ดูดีเป็นมัด เป็นกำ แล้ววางขาย ตำแหน่งที่ยายจะมาขาย ยายจะมานั่งตรงที่คนเดินผ่านบ่อยๆ แต่ที่ยายจะได้อีกอย่างหนึ่งจากคนที่เดินผ่านคือ ความสงสารยาย ถามยายว่าขายดีไหม ยายก็ว่าพอขายได้ ยายแกคงไม่ได้กะว่าจะขายเอารวย แต่เอาแค่เป็นค่าข้าวไปวันๆ เพราะยายแกไม่มีทุน ไม่มีกำลังมาทำให้ใหญ่โต
แล้วถ้าผม หรือคุฯจะขายของละจะขายแบบยายดีไหม ขายไปวันๆ หรือจะขายเอารวยดี หากขายไปวันๆ คงไปยั่งขายคู่กะยายคงดี แต่ถ้าจะขายเอารวย มันต้องมีแผนการ วางโครงสร้างการขายให้ดี
แล้วต้องทำอย่างไร? ตรงนี้แระที่ผมจะมาบ่นกล่าว เล่าเรื่องให้ฟัง........

เริ่มต้นอยากขายของออนไลน์
หลายคนบอกว่าอยากหารายได้ออนไลน์ อยากขายของบนโลกออนไลน์ แต่ทำไม่เป็น จะลงทุนเรียนตามคอร์สต่างๆก็แพง ไม่รู้ว่าจะดีไหม หลายคนลองทำดู ขายไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะต้องหาลูกค้ายังไง หลายคน ทุ่มจนหมดตัวก็ขายไม่ได้
จริงๆก็มีหลายๆที่ที่เปิด คอร์สสอนออนไลน์ ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยเรียน เคยครับ พอเข้าไปเรียน ปรากฏว่า ขายไม่ได้เหมือนเดิม แต่ผมก็ยังลงเรียนอยู่ บางคอร์สเปิดสอนแบบ MLM เลย หาลูกค้าให้เขาด้วยแถมได้เงิน โห แนวนี้ดีจริง แต่คอร์สไม่มีอะไรเลย สรุป ว่าผมต้องขายคอร์สแทน
แต่ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะเขียน Ebook แจกซะเลย เอาแบบให้ขายได้ ชิ้นแรก แล้วกัน ดีไหมครับ ใครสนใจ ลงชื่อที่ช่องความคิดเห็น นะครับ คราวนี้ขอแบบไม่แจกแบบเปิดเผย แต่จะแจกแบบต้องการจริงๆนะครับ ใครไม่ลงชื่อในนี้ ขออนุญาติ นะครับ ......

แจกอีกแล้ว e-book
ผมกำลังจะแจก Ebook อีกแล้วครับ คราวนี้ ขอให้ลงชื่อใน post นี้นะครับ
กับการทำตลาดออนไลน์ หลายคนอยากขายของออนไลน์ แต่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ทุนไม่มี หรือทุนน้อย แต่อยากทำ ผมจะเขียนแนวนี้ครับ ขายของออนไลน์ให้ได้ตัวแรกทำอย่างไร
ใครอยากได้ลงชื่อเลยครับ

รวย รวย รวย คำที่หลายคนอยากเป็น
หลายคนทีีทำ IM ก็ลุยกันไป สำเร็จบ้าง ล้มบ้าง เป้าหมายจริงๆก็คือ เงิน รวย ใช่ไหมครับ ผมก็ลองๆๆๆ ผิดมั่ง ถูกมั่ง แต่ผิดดันเยอะกว่าถูก เลยกลายเป็นความรู้แทนเงิน ผมลองทำงานแบบอื่นมาก่อน ไม่ว่าจะขายประกันชีวิต ขายสินค้า แม้กระทั่ง MLM
ผมเลยมองว่า ในเมื่อเราต้องการรายได้ ทำไมต้องมาทำเฉพาะ IM ซึ่งจริงๆแล้ว IM ก็เป็นรายได้ที่น่าพอใจได้ หากคุณเก่งจริง แต่ผมไม่เก่งจริงอันนี้สิเป็นปัญหา ผมเลยต้องกลับย้อนมาดูว่า เราควรจะมีช่องทางสร้างรายได้มากกว่า 1 ช่องทางสิ
ธุรกิจแบบไหน ลงทุนน้อยที่สุด แต่รายได้ดีสุด
ขายประกัน บอกได้เลยครับ รายได้ดีมาก แต่เป็นการขายกระดาษ กับ การคุ้มครองที่เวลาเราบอกลูกค้าเราไม่สามารถบอกหมด ว่าอะไรบ้างที่คุ้มครอง อะไรไม่คุ้มครอง ทำให้บางทีเกิดปัญหากับลุกค้าได้ ต้องดูแลลูกค้าตลอดชีวิต งั้นตอบโจทย์ เรื่อง Passive Income ไม่ได้
ขายของเอง อันนี้บอกเลยว่าเหนื่อยครับ รายได้มันมาจากที่เราทำตรงๆ ทำน้อยได้น้อย ทำมากได้มาก
MLM ธุรกิจเครือข่าย ผมเรียกว่า Anti เลยทีเดียว การทำธุรกิจเครือข่าย ทำไมนะหรอ ก็มันต้องไปอบรม ไปฟังโน่นนี่นั่น น่าเบื่อจริง สุดท้ายคุณต้องซื้อสินค้า สามหมื่น หกหมื่น โดนมาแล้ว แล้วไง เลิกกันไป แต่............
ลองมาหาข้อมูลใหม่ ก็พบข้อดีของ MLM เหมือนกัน เลยกลับมานั่งดูว่า MLM มันดียังไง
1. ลงทุนน้อย เฉพาะสมัครสมาชิกนะ ไม่เกินพัน
2. สินค้าแบบใช้แล้วหมดไป แปลว่าถ้าดีจริงก็ต้องมีการ ซื้อใหม่ เจ๋งวุ้ย
3. สร้างเครือข่ายได้ อันนี้ผมว่าเป็นเรื่องที่เจ๋งมาก เหมือนการสร้างฐานลูกค้าที่โตได้ตลอด
ถ้าถามว่า มันไม่น่าทำเลย MLM หลอกลวงทั้งนั้น ..... อันนี้ ผมคงตอบไม่ได้ ว่าใช่ไหม สิ่งที่จะตอบได้คือ ลอง ครับ แต่จะลองกับที่ไหนละ ที่ดีและไม่หลอกลวงเรา ผลออกมาน่าพอใจ รวยได้จริง
---------------------------------------------------------------------------------------------
http://xn--12cb2doh2b3gfeh6mtb.blogspot.com/

เขียนบทความยังไงดี
หลายคนงงสิครับ บทความจะทำไง ก๊อปปี้มาสปินดิ ลองมาแล้วครับ ผลเป็นไง จัดไป Keyword สุดท้ายเหมือนหว่านแหตาห่าง ตาขาด เรามาเล่นแค่ keyword เท่านั้น แต่การส่ง traffic เพื่อให้เกิด Value ทำไม่ได้เลย
สิ่งหนึ่งที่ต้องคือ ทำไงให้คนอ่าน อ่านแล้วรู้สึกว่า อยาก อยาก อยากจนต้องคลิ๊ก เพื่อซื้อสินค้า
บทความควรที่จะต้องหาข้อมูลมา เขียนให้คนอ่านเข้าใจ ส่งเขาไปที่ที่ถูกต้อง ถูกเวลา ถูกจังหวะด้วย
อย่าส่งไปไหนก็ไม่รู้ เขียนแทบตาย ส่งไปที่ไม่ควรส่ง นี่สิลำบากแน่ๆ

ความเก่ง ความฉลาด ความขยัน
ถ้าหากเราหลงไหลที่จะทำอะไรสักอย่าง แน่นอน เราจะใช้ทั้งความอดทน ขยันที่จะทำ รวมถึงการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆเข้ามาเรียกว่าเป็นความฉลาดเพิ่มเติมเข้ามานั่นเอง
แต่เชื่อไหมว่าสมัยนี้ คนที่เขาอ่านเจอในโลกออนไลน์ รวมถึงหนังสือต่างๆ มักจะเจอ หนังสือประเภท รวยข้ามวัน ข้ามคืน ข้ามชั่วโมงเยอะกันจริง มันทำได้จริงหรอ เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ หากคุณไม่ใช่คนประเภทที่เรียกว่า อัจฉริยะ แล้วละก็คงมีความเป็นไปได้เท่ากับ 0 เพราะคนที่เขาเขียนหนังสือมานั้น เขาอาจจะใช้เวลาในการหาความรู้มาเป็นสิบปี บอกว่า สามารถหาเงินได้ในข้ามคืน คนธรรมดาจะเข้าใจการหาแบบนั้น อาจจะยากมาก
การที่เราจะทำอะไรสำเร็จได้นั้น มันต้องมีเรื่องขององค์ประกอบด้วย
1. ความรู้ ต้องรู้ในเรื่องที่จะทำให้มากเรียกว่าเกินร้อยให้ได้ พูดง่ายเนอะ ทำยากเพราะไม่รู้ไอ้ร้อยนี่เท่าไหน เอาเป็นว่าต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะทำ ไม่รู้ก็ไปค้นๆๆๆหาๆๆๆจากไหน Google ช่วยเลย อีกอย่างต้องรู้ในเรื่องที่มี Relations กันด้วยนะ เพราะมันเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เช่น หากคุณกำลังทำเรื่องนาฬิกาข้อมือ ก็ควรจะไปรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวของอีกบ้างละ ประเภทของนาฬิกา ชนิดของสาย ความรู้เรื่องของวัตถุที่นำมาทำตัวเรือน ทำสาย พรายน้ำ การดำน้ำลึกควรใช้แบบไหน แหล่งผลิตนาฬิกาที่ดีที่สุดของโลกในแต่ละแบบ เป็นต้น
2.กลุ่มคนที่มีความคิดแบบเดียวกับเรา เมื่อเรามีความรู้ ก็ต้องหากลุ่มคุย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กลุ่มนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าเราได้ในอนาคต หาให้เยอะๆเข้าไว้นะ
3.ความอดทน + เวลา เรื่องของเวลา เป็นเครื่องมือชี้ตัวหนึ่งว่าคุณผ่านเวทีมาเยอะไหม แต่เป็นตัวชี้ตัวหนึ่งนะ ไม่ใช้วัดได้ 100% เพราะว่าบางคนทำที่เดียว อีกสามปีมาทำใหม่อย่างนี้ไม่ใช่ หากเป็นการทำอย่างต่อเนื่องฝึกฝนอย่างช่ำชอง ลองดูก็ได้ คุณไม่เข้าใจเรื่องอะไร ยกมาสักเรื่อง แล้วลองหาความรู้เรื่องนั้น เรื่องเดียวแบบต่อเนื่องสัก หนึ่ง เดือน ดูแล้วกลับมาลองถามตัวเองว่าเข้าใจมากขึ้นไหม เด็กนักเรียนที่เคยสอบตกคณิตศาสตร์ ลองเอาแบบฝึกหัดให้ทำ เริ่มจากง่ายโคตรก่อน + - แล้วเพิ่มไปเรื่อยๆ สักสามเดือน กลับมาดูความพัฒนาด้านความคิดครับ ต้องทำทุกวันต่อเนื่องนะ เด็กคนนั้นจะเก่งขึ้นทันตาเลยทีเดียว ดังนั้น การอดทนที่จะฝึกบวกกับต้องใช้เวลาที่จะทำ เป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่ต้องมี
4.ความกล้าลองให้ถึงเป้าหมาย เมื่อพร้อมที่จะเริ่มแล้ว การลองทำในสนามจริงคือการฝึกแบบหนึ่ง ตั้งเป้าหมายให้ชัด พุ่งให้ตรงที่สุด ตรงนี้เป็นจุดเริ่มของสนามจริง เมื่อลองทำ คำว่าปัญหาจะมา มาแน่นอน และการเจอปัญหาจริงเป็นการสร้างประสบการณ์ที่สำคัญยิ่ง สิ่งที่ต้องทำคือต้องจำให้ได้ว่าแก้ปัญหานั้นๆอย่างไร อย่าเพียงแค่แก้ให้ผ่าน ต้องเข้าใจด้วยว่ามันเกิดเพราะอะไร แก้อย่างไร
5.ลองทำซ้ำๆแบเดิมๆก่อน เพื่อให้เราเก่งในแบบนั้นให้ได้ ทำให้มากที่สุด เมื่อทำจนคล่อง ก็ขยับไปทำเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก แล้วทำซ้ำๆอีกให้คล่องอีก ทุกตลาดที่ไปเริ่มจากไม่รู้ รู้มากขึ้น เก่ง เซียน เทพ ให้ได้ครับ
6.สอนคนอื่น เมื่อเก่งแล้ว รู้แล้ว การสอนคนอื่นด้วยแนวทางเราที่เรียนรู้มา เป็นสิ่งที่สร้างฐานกำลังพลในตัว เพื่อให้เกิดพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือกันได้ เมื่อมีพันธมิตรที่ดี เมื่อเราวางแผนทำแนวทางอื่น ก็อาจจะไปได้ง่ายขึ้น หากพันธมิตรเรา เขารู้ดีกว่าเรา
7.ทำใจให้สบายๆ อย่าซีเรียกกับคำว่า แพ้ เพราะอะไรหรอ ไม่มีใครเกิดมาไม่เคยแพ้นะครับ แพ้เป็นครู รู้เป็นอาจารย์ ครับ เมื่อไหร่ที่แพ้ขอให้จำไว้เลยว่า นั่นคือความรู้ใหม่ว่าเส้นทางนี้ทำแบบนี้ไม่ได้ ก้าวต่อไปด้วยวิธีอื่น
8.รูปแบบๆเดียวกัน เราอาจจะทำไม่ได้เหมือนคนอื่นนะ ความรู้ไม่เท่ากัน ความคิดไม่เหมือน ความชอบไม่ใช่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ ทำไมเราทำไม่ได้เหมือนเขา อย่าเอารูปแบบคนอื่นมาทำ แต่เอาเป็นแนว แล้วหาทางของเราเองดีที่สุด

ข้อสังเกตจาก คนสามคนฝึกเต้นรำ
มีคนสามคนเต้นรำ คนแรก เป็นเด็กหัดเต้น คนที่สองวัยรุ่นพอเต้นมาบ้าง คนที่สามเป็นคนกลางคน
สิ่งที่มองเห็นจากการสังเกต
1. เด็กหัดเต้น แน่นอนมีคนเต้นให้ดูก่อนว่าท่าเต้นเป็นอย่างไร เด็กเต้นแบบเก้ๆกังๆ ไม่รู้จังหวะ มือไม้แข็งไปหมด
2. วัยรุ่น พอจับจังหวะได้แต่บางครั้งก็ไม่เข้าจังหวะ มือไม้พอได้บ้าง ไม่ถึงกับแข็ง
3. วัยกลางคน ท่าทีเข้าจังหวะ มือไม้พริ้วดี มีพลาดบ้างนิดหน่อย
คนทั้งสามคน บ่งบอกให้รู้ว่า การฝึกที่จะทำอะไร ครั้งแรกนั้น คุณจะไม่สามารถทำได้ดีไปหมด ไม่ว่าท่าทาง หรือ จังหวะ เมื่อผ่านพ้นการฝึกฝนมาอย่างดี นั้นแระ ท่าทีและจังหวะจะเริ่มดีขึ้น และเมื่อรู้จักคำว่า ฝึกฝน สังเกต และเรียนรู้ ทั่งท่าที จังหวะ จะได้ทุกกระบวนท่า แถมท้าย ยังรู้จักที่จะพลิกแพลงแสดงท่าใหม่ๆ ที่เห็นแล้วไม่ขัดตาอีกด้วย
การฝึกที่จะทำงานทุกอย่าง เมื่อเริ่มหัดที่จะทำ เวลา + การฝึกฝนเป็นสิ่งที่ต้องมี ดังนั้น เมื่อทำอะไรครั้งแรก อย่าร้องขอว่า ทำอย่างไรถึงจะเต้นได้สวยเหมือนนักเต้น เพราะสิ่งที่ร้องขอคือตัวคุณเองต่างหาก ที่ต้องทำมันให้ได้ ร้องขอตัวเองเท่านั้น เมื่อร่างกาย ความคิด การสังเกต หล่อหลอมรวมกัน เมื่อนั้นคุณไม่ต้องร้องขอใดๆ มันจะมาเองทุกอย่าง และมากกว่าที่คุณคาดหวังไว้ด้วยซ้ำ

เข็มทิศชีวิต
เจ้า GPS เป็นเครื่องที่ระบุตำแหน่งเรา และแถมบอกจุดหมายปลายทางที่เราจะไปด้วย แต่การที่จะใช้ GPS อย่างเดียวนั้น บอกได้เลยว่าบางครั้งคุณอาจจะอ้อมสุดโลกก็เป็นได้ มันค้นหาเส้นทางตลอดเมื่อคุณพลาดจุดที่ผ่านมา เปรียบเหมือนเส้นทางการทำงานเราเลยครับ
ก่อนจะเริ่มหัด ทำงานหารายได้ออนไลน์
สิ่งแรกคือต้องหาเส้นทางให้เจอก่อน ว่าเราจะไปทางไหน เช่น ทำ Adsens ทำ Affiliate ขายสินค้าเราเอง พวกนี้มีเส้นทางที่ต้องเรียนรู้นะครับว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ก็เหมือนเราศึกษาเส้นทางก่อน แต่การศึกษาเส้นทางกับการเดินทางจริงมันอาจจะไม่สวยหรูเหมือนที่เราวางแผนไว้ เพราะระหว่างทางนั้นจะเจอรถรามากมายวิ่งกันไปมา คุณอาจจะเลี้ยวไม่ทัน เข้าซ้ายไม่ได้ วิ่งเลยจุดที่คุณต้องเลี้ยว ดังนั้น GPS ก็เหมือนคุณต้องหาใครสักคนเป็นอาจารย์ ที่คอยแนะนำเส้นทางใหม่ให้คุณ ว่าเมื่อเลยไปแล้วทางข้างหน้าจะมีจุดที่เลี้ยวใหม่ไหม
แต่อีกแล้วครับ ถึงจะมีอาจารย์ช่วยชี้แนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไปถึงเร็วขึ้นนะครับ ถามว่าถึงเป้าหมายไหม ถึงครับ แต่อาจจะอ้อม สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำคือ หยุดเดิน ศึกษาเส้นทางใหม่ แล้วดูว่า GPS นั้นบอกเส้นทางที่อ้อมไปไหม คุณอาจจะเห็นเส้นทางที่สั้นกว่าก็เป็นไปได้
GPS เครื่องมือชั้นเยี่ยม แต่ไม่ได้บอกว่า GPS คือสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อคุณจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือ GPS หรือ อาจารย์ช่วยในการชี้แนะเส้นทาง สิ่งหนึ่งคือการช่วยตัวคุณเองในการที่จะหัดมองเส้นทางให้ดี และ สั้นด้วย เพราะการที่คุณหัดที่จะทำมันบ่อยๆ รับรองว่าแม้ครั้งแรกคุณหลงทาง ครั้งถัดไปคุณจะจำเส้นทางได้ คุณจะพร้อมที่จัเข้าซ้ายก่อนที่จะเลี้ยวได้ คุณจะรู้ก่อนที่ GPS จะบอกคุณได้
หลงไปเถอะครับครั้งแรก แต่ GPS นั้นเป็นเพียงเครื่องมือช่วยชี้แนะ คุณเองต่างหากที่จะเป็นคนรู้เส้นทางที่สั้นที่สุด ด้วยการสังเกต ฝึกฝนบ่อยๆ อย่าพลาดแล้วพลาดอีก อย่าหลงเชื่อ GPS 100% ถึงแม้ GPS จะนำทางคุณไปถึงจุดหมายได้ แต่มันไม่ได้สั้นที่สุดที่คุณจะไป
