ความเก่ง ความฉลาด ความขยัน
ถ้าหากเราหลงไหลที่จะทำอะไรสักอย่าง แน่นอน เราจะใช้ทั้งความอดทน ขยันที่จะทำ รวมถึงการค้นคว้าหาความรู้ใหม่ๆเข้ามาเรียกว่าเป็นความฉลาดเพิ่มเติมเข้ามานั่นเอง
แต่เชื่อไหมว่าสมัยนี้ คนที่เขาอ่านเจอในโลกออนไลน์ รวมถึงหนังสือต่างๆ มักจะเจอ หนังสือประเภท รวยข้ามวัน ข้ามคืน ข้ามชั่วโมงเยอะกันจริง มันทำได้จริงหรอ เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ หากคุณไม่ใช่คนประเภทที่เรียกว่า อัจฉริยะ แล้วละก็คงมีความเป็นไปได้เท่ากับ 0 เพราะคนที่เขาเขียนหนังสือมานั้น เขาอาจจะใช้เวลาในการหาความรู้มาเป็นสิบปี บอกว่า สามารถหาเงินได้ในข้ามคืน คนธรรมดาจะเข้าใจการหาแบบนั้น อาจจะยากมาก
การที่เราจะทำอะไรสำเร็จได้นั้น มันต้องมีเรื่องขององค์ประกอบด้วย
1. ความรู้ ต้องรู้ในเรื่องที่จะทำให้มากเรียกว่าเกินร้อยให้ได้ พูดง่ายเนอะ ทำยากเพราะไม่รู้ไอ้ร้อยนี่เท่าไหน เอาเป็นว่าต้องมีความรู้ในเรื่องที่จะทำ ไม่รู้ก็ไปค้นๆๆๆหาๆๆๆจากไหน Google ช่วยเลย อีกอย่างต้องรู้ในเรื่องที่มี Relations กันด้วยนะ เพราะมันเป็นเรื่องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เช่น หากคุณกำลังทำเรื่องนาฬิกาข้อมือ ก็ควรจะไปรู้เรื่องอะไรที่เกี่ยวของอีกบ้างละ ประเภทของนาฬิกา ชนิดของสาย ความรู้เรื่องของวัตถุที่นำมาทำตัวเรือน ทำสาย พรายน้ำ การดำน้ำลึกควรใช้แบบไหน แหล่งผลิตนาฬิกาที่ดีที่สุดของโลกในแต่ละแบบ เป็นต้น
2.กลุ่มคนที่มีความคิดแบบเดียวกับเรา เมื่อเรามีความรู้ ก็ต้องหากลุ่มคุย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น กลุ่มนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นลูกค้าเราได้ในอนาคต หาให้เยอะๆเข้าไว้นะ
3.ความอดทน + เวลา เรื่องของเวลา เป็นเครื่องมือชี้ตัวหนึ่งว่าคุณผ่านเวทีมาเยอะไหม แต่เป็นตัวชี้ตัวหนึ่งนะ ไม่ใช้วัดได้ 100% เพราะว่าบางคนทำที่เดียว อีกสามปีมาทำใหม่อย่างนี้ไม่ใช่ หากเป็นการทำอย่างต่อเนื่องฝึกฝนอย่างช่ำชอง ลองดูก็ได้ คุณไม่เข้าใจเรื่องอะไร ยกมาสักเรื่อง แล้วลองหาความรู้เรื่องนั้น เรื่องเดียวแบบต่อเนื่องสัก หนึ่ง เดือน ดูแล้วกลับมาลองถามตัวเองว่าเข้าใจมากขึ้นไหม เด็กนักเรียนที่เคยสอบตกคณิตศาสตร์ ลองเอาแบบฝึกหัดให้ทำ เริ่มจากง่ายโคตรก่อน + - แล้วเพิ่มไปเรื่อยๆ สักสามเดือน กลับมาดูความพัฒนาด้านความคิดครับ ต้องทำทุกวันต่อเนื่องนะ เด็กคนนั้นจะเก่งขึ้นทันตาเลยทีเดียว ดังนั้น การอดทนที่จะฝึกบวกกับต้องใช้เวลาที่จะทำ เป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่ต้องมี
4.ความกล้าลองให้ถึงเป้าหมาย เมื่อพร้อมที่จะเริ่มแล้ว การลองทำในสนามจริงคือการฝึกแบบหนึ่ง ตั้งเป้าหมายให้ชัด พุ่งให้ตรงที่สุด ตรงนี้เป็นจุดเริ่มของสนามจริง เมื่อลองทำ คำว่าปัญหาจะมา มาแน่นอน และการเจอปัญหาจริงเป็นการสร้างประสบการณ์ที่สำคัญยิ่ง สิ่งที่ต้องทำคือต้องจำให้ได้ว่าแก้ปัญหานั้นๆอย่างไร อย่าเพียงแค่แก้ให้ผ่าน ต้องเข้าใจด้วยว่ามันเกิดเพราะอะไร แก้อย่างไร
5.ลองทำซ้ำๆแบเดิมๆก่อน เพื่อให้เราเก่งในแบบนั้นให้ได้ ทำให้มากที่สุด เมื่อทำจนคล่อง ก็ขยับไปทำเรื่องที่ยากขึ้นไปอีก แล้วทำซ้ำๆอีกให้คล่องอีก ทุกตลาดที่ไปเริ่มจากไม่รู้ รู้มากขึ้น เก่ง เซียน เทพ ให้ได้ครับ
6.สอนคนอื่น เมื่อเก่งแล้ว รู้แล้ว การสอนคนอื่นด้วยแนวทางเราที่เรียนรู้มา เป็นสิ่งที่สร้างฐานกำลังพลในตัว เพื่อให้เกิดพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือกันได้ เมื่อมีพันธมิตรที่ดี เมื่อเราวางแผนทำแนวทางอื่น ก็อาจจะไปได้ง่ายขึ้น หากพันธมิตรเรา เขารู้ดีกว่าเรา
7.ทำใจให้สบายๆ อย่าซีเรียกกับคำว่า แพ้ เพราะอะไรหรอ ไม่มีใครเกิดมาไม่เคยแพ้นะครับ แพ้เป็นครู รู้เป็นอาจารย์ ครับ เมื่อไหร่ที่แพ้ขอให้จำไว้เลยว่า นั่นคือความรู้ใหม่ว่าเส้นทางนี้ทำแบบนี้ไม่ได้ ก้าวต่อไปด้วยวิธีอื่น
8.รูปแบบๆเดียวกัน เราอาจจะทำไม่ได้เหมือนคนอื่นนะ ความรู้ไม่เท่ากัน ความคิดไม่เหมือน ความชอบไม่ใช่ เป็นเหตุผลหนึ่งที่ ทำไมเราทำไม่ได้เหมือนเขา อย่าเอารูปแบบคนอื่นมาทำ แต่เอาเป็นแนว แล้วหาทางของเราเองดีที่สุด

ข้อสังเกตจาก คนสามคนฝึกเต้นรำ
มีคนสามคนเต้นรำ คนแรก เป็นเด็กหัดเต้น คนที่สองวัยรุ่นพอเต้นมาบ้าง คนที่สามเป็นคนกลางคน
สิ่งที่มองเห็นจากการสังเกต
1. เด็กหัดเต้น แน่นอนมีคนเต้นให้ดูก่อนว่าท่าเต้นเป็นอย่างไร เด็กเต้นแบบเก้ๆกังๆ ไม่รู้จังหวะ มือไม้แข็งไปหมด
2. วัยรุ่น พอจับจังหวะได้แต่บางครั้งก็ไม่เข้าจังหวะ มือไม้พอได้บ้าง ไม่ถึงกับแข็ง
3. วัยกลางคน ท่าทีเข้าจังหวะ มือไม้พริ้วดี มีพลาดบ้างนิดหน่อย
คนทั้งสามคน บ่งบอกให้รู้ว่า การฝึกที่จะทำอะไร ครั้งแรกนั้น คุณจะไม่สามารถทำได้ดีไปหมด ไม่ว่าท่าทาง หรือ จังหวะ เมื่อผ่านพ้นการฝึกฝนมาอย่างดี นั้นแระ ท่าทีและจังหวะจะเริ่มดีขึ้น และเมื่อรู้จักคำว่า ฝึกฝน สังเกต และเรียนรู้ ทั่งท่าที จังหวะ จะได้ทุกกระบวนท่า แถมท้าย ยังรู้จักที่จะพลิกแพลงแสดงท่าใหม่ๆ ที่เห็นแล้วไม่ขัดตาอีกด้วย
การฝึกที่จะทำงานทุกอย่าง เมื่อเริ่มหัดที่จะทำ เวลา + การฝึกฝนเป็นสิ่งที่ต้องมี ดังนั้น เมื่อทำอะไรครั้งแรก อย่าร้องขอว่า ทำอย่างไรถึงจะเต้นได้สวยเหมือนนักเต้น เพราะสิ่งที่ร้องขอคือตัวคุณเองต่างหาก ที่ต้องทำมันให้ได้ ร้องขอตัวเองเท่านั้น เมื่อร่างกาย ความคิด การสังเกต หล่อหลอมรวมกัน เมื่อนั้นคุณไม่ต้องร้องขอใดๆ มันจะมาเองทุกอย่าง และมากกว่าที่คุณคาดหวังไว้ด้วยซ้ำ

เข็มทิศชีวิต
หลายคนมีโอกาสเดินทางท่องเที่ยวช่วงปีใหม่ แล้วได้ใช้ GPS นำทางกันบ้างไหมครับ ผมคนหนึ่งที่ใช้จากการเดินทางไปท่องเที่ยวเชียงใหม่ แหล่งท่องเที่ยวภาคเหนือ ที่นิยมเดินทางกัน เชียงใหม่ผมไปมาเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ไปครั้งนี้ไม่เหมือนเดิมเลยครับ แน่นอน การเตรียมตัวไม่ว่าแผนที่แหล่งท่องเที่ยวที่จะไป รวมถึงหลังจากจองที่พัก ก็ต้องไปหาที่พักให้เจอ GPS ครับช่วยได้ไปได้ครบทุกที่
เจ้า GPS เป็นเครื่องที่ระบุตำแหน่งเรา และแถมบอกจุดหมายปลายทางที่เราจะไปด้วย แต่การที่จะใช้ GPS อย่างเดียวนั้น บอกได้เลยว่าบางครั้งคุณอาจจะอ้อมสุดโลกก็เป็นได้ มันค้นหาเส้นทางตลอดเมื่อคุณพลาดจุดที่ผ่านมา เปรียบเหมือนเส้นทางการทำงานเราเลยครับ
ก่อนจะเริ่มหัด ทำงานหารายได้ออนไลน์
สิ่งแรกคือต้องหาเส้นทางให้เจอก่อน ว่าเราจะไปทางไหน เช่น ทำ Adsens ทำ Affiliate ขายสินค้าเราเอง พวกนี้มีเส้นทางที่ต้องเรียนรู้นะครับว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ก็เหมือนเราศึกษาเส้นทางก่อน แต่การศึกษาเส้นทางกับการเดินทางจริงมันอาจจะไม่สวยหรูเหมือนที่เราวางแผนไว้ เพราะระหว่างทางนั้นจะเจอรถรามากมายวิ่งกันไปมา คุณอาจจะเลี้ยวไม่ทัน เข้าซ้ายไม่ได้ วิ่งเลยจุดที่คุณต้องเลี้ยว ดังนั้น GPS ก็เหมือนคุณต้องหาใครสักคนเป็นอาจารย์ ที่คอยแนะนำเส้นทางใหม่ให้คุณ ว่าเมื่อเลยไปแล้วทางข้างหน้าจะมีจุดที่เลี้ยวใหม่ไหม
แต่อีกแล้วครับ ถึงจะมีอาจารย์ช่วยชี้แนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไปถึงเร็วขึ้นนะครับ ถามว่าถึงเป้าหมายไหม ถึงครับ แต่อาจจะอ้อม สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำคือ หยุดเดิน ศึกษาเส้นทางใหม่ แล้วดูว่า GPS นั้นบอกเส้นทางที่อ้อมไปไหม คุณอาจจะเห็นเส้นทางที่สั้นกว่าก็เป็นไปได้
GPS เครื่องมือชั้นเยี่ยม แต่ไม่ได้บอกว่า GPS คือสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อคุณจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือ GPS หรือ อาจารย์ช่วยในการชี้แนะเส้นทาง สิ่งหนึ่งคือการช่วยตัวคุณเองในการที่จะหัดมองเส้นทางให้ดี และ สั้นด้วย เพราะการที่คุณหัดที่จะทำมันบ่อยๆ รับรองว่าแม้ครั้งแรกคุณหลงทาง ครั้งถัดไปคุณจะจำเส้นทางได้ คุณจะพร้อมที่จัเข้าซ้ายก่อนที่จะเลี้ยวได้ คุณจะรู้ก่อนที่ GPS จะบอกคุณได้
หลงไปเถอะครับครั้งแรก แต่ GPS นั้นเป็นเพียงเครื่องมือช่วยชี้แนะ คุณเองต่างหากที่จะเป็นคนรู้เส้นทางที่สั้นที่สุด ด้วยการสังเกต ฝึกฝนบ่อยๆ อย่าพลาดแล้วพลาดอีก อย่าหลงเชื่อ GPS 100% ถึงแม้ GPS จะนำทางคุณไปถึงจุดหมายได้ แต่มันไม่ได้สั้นที่สุดที่คุณจะไป
เจ้า GPS เป็นเครื่องที่ระบุตำแหน่งเรา และแถมบอกจุดหมายปลายทางที่เราจะไปด้วย แต่การที่จะใช้ GPS อย่างเดียวนั้น บอกได้เลยว่าบางครั้งคุณอาจจะอ้อมสุดโลกก็เป็นได้ มันค้นหาเส้นทางตลอดเมื่อคุณพลาดจุดที่ผ่านมา เปรียบเหมือนเส้นทางการทำงานเราเลยครับ
ก่อนจะเริ่มหัด ทำงานหารายได้ออนไลน์
สิ่งแรกคือต้องหาเส้นทางให้เจอก่อน ว่าเราจะไปทางไหน เช่น ทำ Adsens ทำ Affiliate ขายสินค้าเราเอง พวกนี้มีเส้นทางที่ต้องเรียนรู้นะครับว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ก็เหมือนเราศึกษาเส้นทางก่อน แต่การศึกษาเส้นทางกับการเดินทางจริงมันอาจจะไม่สวยหรูเหมือนที่เราวางแผนไว้ เพราะระหว่างทางนั้นจะเจอรถรามากมายวิ่งกันไปมา คุณอาจจะเลี้ยวไม่ทัน เข้าซ้ายไม่ได้ วิ่งเลยจุดที่คุณต้องเลี้ยว ดังนั้น GPS ก็เหมือนคุณต้องหาใครสักคนเป็นอาจารย์ ที่คอยแนะนำเส้นทางใหม่ให้คุณ ว่าเมื่อเลยไปแล้วทางข้างหน้าจะมีจุดที่เลี้ยวใหม่ไหม
แต่อีกแล้วครับ ถึงจะมีอาจารย์ช่วยชี้แนะ ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะไปถึงเร็วขึ้นนะครับ ถามว่าถึงเป้าหมายไหม ถึงครับ แต่อาจจะอ้อม สิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำคือ หยุดเดิน ศึกษาเส้นทางใหม่ แล้วดูว่า GPS นั้นบอกเส้นทางที่อ้อมไปไหม คุณอาจจะเห็นเส้นทางที่สั้นกว่าก็เป็นไปได้
GPS เครื่องมือชั้นเยี่ยม แต่ไม่ได้บอกว่า GPS คือสิ่งที่ดีที่สุด
เมื่อคุณจำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือ GPS หรือ อาจารย์ช่วยในการชี้แนะเส้นทาง สิ่งหนึ่งคือการช่วยตัวคุณเองในการที่จะหัดมองเส้นทางให้ดี และ สั้นด้วย เพราะการที่คุณหัดที่จะทำมันบ่อยๆ รับรองว่าแม้ครั้งแรกคุณหลงทาง ครั้งถัดไปคุณจะจำเส้นทางได้ คุณจะพร้อมที่จัเข้าซ้ายก่อนที่จะเลี้ยวได้ คุณจะรู้ก่อนที่ GPS จะบอกคุณได้
หลงไปเถอะครับครั้งแรก แต่ GPS นั้นเป็นเพียงเครื่องมือช่วยชี้แนะ คุณเองต่างหากที่จะเป็นคนรู้เส้นทางที่สั้นที่สุด ด้วยการสังเกต ฝึกฝนบ่อยๆ อย่าพลาดแล้วพลาดอีก อย่าหลงเชื่อ GPS 100% ถึงแม้ GPS จะนำทางคุณไปถึงจุดหมายได้ แต่มันไม่ได้สั้นที่สุดที่คุณจะไป
